ก่อนที่จะเลือกซื้อไฟเส้น led และอุปกรณ์สำหรับไฟ led เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระแสไฟฟ้า DC และ AC กันก่อนดีกว่า ว่าคืออะไร และมีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อลูกค้าจะได้นำไปใช้เลือกชนิดไฟเส้นให้เหมาะกับการใช้งาน และนำไปใช้งานได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายจากการใช้งานผิดประเภทประเภทของไฟฟ้า1.ไฟ DC คือ ไฟฟ้ากระแสตรง (Direct current) เป็นไฟฟ้าที่มีทิศทางการไหลเพียงทิศทางเดียวจากขั้วลบของแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้า แล้วกลับเข้าไปยังขั้วบวกของแหล่งกำเนิดไฟฟ้าอีกครั้ง (ให้นึกถึงถ่านไฟฉายที่มีขั้ว+- ที่ต่อเข้าสู่เครื่องใช้ไฟฟ้า)
ยกตัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟ DC เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ไฟเส้น led กล้องวงจรปิด เป็นต้น2.ไฟ AC คือ ไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternating current) เป็นไฟฟ้าที่มีทิศทางการไหลไปในทางกลับกัน ไม่มีขั้วบวกและขั้วลบ จึงมีทิศทางการไหลที่วนกลับไปกลับมาอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างไฟ AC ได้แก่ ไฟฟ้าที่ส่งมาตามบ้าน AC220v นั่นเอง
ทำไมไฟฟ้าที่ส่งมาตามบ้านต้องเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC)1.ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) สามารถส่งได้ไกลกว่า เนื่องจากเวลาส่งไฟฟ้ามาตามสาย ถ้าเป็นไฟ DC กระแสตรง จะทำให้แรงเคลื่อนสูงมากไม่ได้ ต้องเป็นแรงเคลื่อนไฟฟ้าต่ำ ทำให้ต้องส่งกระแสไฟฟ้าที่มาก เมื่อส่งกระแสที่มากก็จะมีค่าการสูญเสียพลังงานไปตามสายส่งไฟฟ้ามากด้วยถ้าเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) จะมีการแปลงให้เป็นไฟฟ้าแรงสูง (เสาไฟฟ้าแรงสูง) ก่อนที่จะส่งมาตามบ้าน แล้วค่อยมาลดกลับที่ปลายทางโดยผ่านหม้อแปลงไฟ (Transformer)2.ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC สามารถใช้หม้อแปลงไฟ (Transformer) แปลงแรงดันให้มากขึ้น หรือลดต่ำลงได้ง่ายกว่าไฟฟ้ากระแสตรง
ดังนั้นเราจึงไม่ควรนำไฟเส้น led DC12v-24v และไฟสายยาง 220v ที่เป็นกระแสตรงไปต่อเข้ากับไฟบ้านที่เป็นกระแสสลับโดยตรง โดยไม่ผ่านหม้อแปลงไฟ หรือปลั๊กไดร์เวอร์ (สำหรับไฟสายยาง 220v) เพราะจะทำให้ไฟเส้นเกิดความเสียหายได้ เนื่องจากใช้กระแสไฟไม่ตรงกันนั่นเอง |
แล้วไฟเส้น led 12v กับ ไฟสายยาง 220v แตกต่างกันอย่างไร ?ไฟเส้น LED 12v-24v ต้องใช้ หม้อแปลงไฟ (Switching Power Supply) ในการแปลงกระแสไฟ DC220v เพื่อให้นำมาจ่ายไฟให้ทำงานได้ในกระแสต่ำ อายุการใช้งานค่อนข้างทนทานกว่าแบบ DC220v เหมาะกับนำมาใช้กับงานบิ้วอิน หรือติดคู่กับรางไฟอลูมิเนียมเพิ่มความโดดเด่น

จุดเด่น |
จุดด้อย |
- อายุการใช้งานทนทาน
- ไฟเส้นเล็กบางค่อนข้างยืดหยุ่นต่อการใช้งาน
- มีเทปกาวในตัวง่ายต่อการติดตั้ง
- ระยะตัดค่อนข้างถี่ ยืดหยุ่นต่อการติดตั้งตามหน้างานต่างๆ
- ปลอดภัยต่อการใช้งานมือจับได้ไม่อันตราย
- เหมาะกับใส่กับรางไฟประเภทต่างๆ แนะนำรุ่นที่เม็ดไฟถี่เพื่อความสวยงาม เช่น LUMEX
|
- ไฟเส้นส่วนใหญ่จะยาวเพียงม้วนละ 5 เมตร (ยกเว้นบางรุ่น)
- การต่อยาวเกิน 5 เมตร ต้อต่อแบบขนานเพื่อให้แสงไม่หรี่ในเส้นถัดไป
- ไม่เหมาะกับช่างที่ไม่มีความชำนาญในการติดตั้ง
- ต้องคำนวนการใช้แปลงให้ถูกต้องกับไฟที่ใช้ ดูวิธีคำนวนคลิก
|
หมายเหตุ : ไฟกระแสต่ำบางรุ่นที่จะมีความยาว 20 ม. คือ ไฟเส้นแบบ
SSR TYPE สามารถต่อยาวได้ถึง 20 เมตรโดยแสงไม่หรี่
ไฟสายยาง DC220v จะใช้เพียงปลั๊ก (LED Driver) อย่างเดียวในการแปลงกระแสสลับมาเป็นกระแสตรง ดังนั้นไฟจะยังคงเป็นไฟแรงดันสูงเหมือนเดิมแต่เป็น DC220v หลายคนยังเข้าใจผิดเพราะคิดว่าสามารถจั้มไฟบ้านเข้าได้เลย เพราะถึงจะเป็นไฟ 220v เหมือนกันแต่กระแสไฟไม่เหมือนกันดังนั้นเวลาใช้ต้องต่อผ่านปลั๊ก Driver เท่านั้น และปลั๊กตัวนึงแนะนำให้ต่อยาวไม่เกิน 30 เมตร เพื่อยืดอายุการใช้งาน

จุดเด่น |
จุดด้อย |
- ต่องานยาวต่อเนื่องโดยแสงไม่หรี่ แนะนำไม่ควรเกินจุดละ 30 เมตรต่อปลั๊ก 1 ตัว
- ไม่ต้องใช้หม้อแปลงไฟติดตั้งค่อนข้างสะดวก
- มียางหุ้มกันน้ำทุกรุ่นเพราะตัวไฟไม่สามารถนำมือสัมผัสได้โดยตรง
|
- ควรใช้ความชำนาญในการต่อตัวปลั๊กไดรเวอร์กับตัวไฟสายยาง เพราะหากไม่ชำนาญทำให้ระเบิดเสียงหายปลั๊กจะพังพร้อมไฟ 1 เมตร (สำหรับรุ่นเสียบเข็มแบบเก่า)
- ค่อนข้างอันตรายหากไม่ระมัดระวังในการใช้งาน ไม่ควรนำมือจับส่วนสายไฟด้านในโดยตรง
- ระยะการตัดค่อนข้างจำกัดส่วนใหญ่จะตัดได้ที่ระยะ 1 เมตร (ยกเว้นบางรุ่น)
|
หมายเหตุ : รุ่นพิเศษที่มีระยะตัดต่ำกว่า 1 เมตรมีเพียงรุ่นเดียว คือรุ่น WRS-RE10 สามารถตัดได้ที่ทุกๆ ระยะ 10 ซม. และปลั๊กไดรเวอร์เป็นแบบคลิบล็อคใช้งานง่ายไม่ต้องเสียบเข็มแบบเก่า
เรียบเรียงโดย lungthongled ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก legatool.com Facebook fanpage ห้องไฟฟ้า (Electrical Room)